Kyrie คิริเอะ เพลงรักคือเธอ ภาพยนตร์ญี่ปุ่นแนวโรแมนติกดราม่า เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ ชุนจิ อิวาอิ ที่เคยมีผลงานในตำนานมาแล้วอย่าง Love Letter (1995) และ All About Lily Chou-Chou (2001) กลับมาอีกครั้งกับการบอกเล่าเรื่องราวของความรัก ชีวิต และความฝัน กับสี่ตัวละครที่เชื่อมโยงกันผ่านเสียงเพลงในช่วงเวลากว่า 13 ปี ที่ต้องตามหาความรัก ตัวตน และความหมายของการใช้ชีวิต
นัตสึฮิโตะ (รับบทโดย มัตสึมุระ โฮคุโตะ) ชายหนุ่มผู้สูญเสียคู่หมั้นไปอย่างกะทันหัน ซึ่งได้ออกตามหาอะไรบางอย่างเพราะหวังว่าจะพบเธออีกครั้ง โดยในระหว่างการเดินทางก็ได้พบกับ คิริเอะ (รับบทโดย Aina the End) นักดนตรีข้างถนนที่ไร้บ้านและแทบจะเป็นใบ้ไปแล้ว นัตสึฮิโตะและคิริเอะนั้นทั้งคู่ก็ได้เริ่มสนิทกันมากขึ้น และคิริเอะก็ช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของนัตสึฮิโตะได้บ้าง ขณะเดียวกัน คิริเอะเองก็ได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารด้วยเสียงเพลงจากนัตสึฮิโตะเหมือนกัน
เรื่องราวดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนได้พบกับ ฟุมิ (รับบทโดย ฮารุ คุโรกิ) คุณครูชั้นอนุบาลผู้ปกปิดอดีตบางอย่างไว้ในใจ อิ๊กโกะ (รับบทโดย ฮิโรเสะ ซึสึ) หญิงสาวลึกลับผู้ละทิ้งอดีตของตัวเองเพื่อก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาสำคัญในชีวิต ซึ่งแต่ละตัวละครเหล่านี้ก็มีการเชื่อมโยงกันด้วยเสียงเพลง ที่เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างกันและกัน ช่วยให้ได้พบเจอและได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
สำหรับเรื่องราวใน Kyrie นั้นจะค่อยๆ เดินเรื่องไปอย่างช้าๆ แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่เยอะมาก ทั้งการแฝงความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่เรายังต้องตีความจากสิ่งต่างๆ ในแต่ละฉาก ซึ่งก็เป็นสไตล์ของผู้กำกับอย่าง ชุนจิ อิวาอิ จริงๆ ที่เป็นมาตั้งแต่ผลงานดังเรื่องก่อนๆ มาแล้ว คาดว่าน่าจะถูกใจแฟนผู้ติดตามผลงานของผู้กำกับท่านนี้แน่นอน แต่สำหรับใครที่ไม่เคยรับชมมาก่อนอาจจะงงๆ ได้เลย ดังนั้นต้องสังเกตและตีความกันสักหน่อย
การเล่าเรื่องนั้นอาจจะไม่ได้มีความตื่นเต้นหวือหวาอะไร เน้นเล่าด้วยภาพและอริยบทของตัวละครเป็นหลักซะมากกว่า ซึ่งบทพูดอาจจะไม่ได้เยอะเหมือนเรื่องทั่วไป ดังนั้นถือว่าค่อนข้างใช้อารมณ์ความติสท์พอสมควร แต่ใครเสพงานแนวนี้ก็น่าจะไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะหนังได้ใส่ดีเทลไว้อย่างละเอียดมาก แต่ต้องสังเกตให้ดีในแต่ละช็อต นอกจากนี้ก็มีเรื่องของดนตรีที่รู้สึกว่าไพเราะจริงๆ ทำให้เรายิ่งอินไปกับมู้ดโทนของหนังได้มากยิ่งขึ้น
Kyrie คิริเอะ เพลงรักคือเธอ ก็น่าจะเป็นอีกผลงานที่ทรงพลังสำหรับผู้ที่ชื่นชอบเสพผลงานอาร์ตๆ หน่อย อาจจะเข้าถึงได้ยากสำหรับคนทั่วไป และต้องอาศัยการตีความพอสมควร หนังสไตล์ญี่ปุ่นที่ให้กลิ่นอายและมู้ดโทนแบบนี้ถือว่าไม่ได้มีมาให้ได้รับชมบ่อยๆ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับชมแล้วเข้าใจยากขนาดนั้น ต้องลองไปติดตามรับชมกันอาจจะถูกใจคอหนังหลายๆ ท่านได้เช่นกัน