A Tourist’s Guide to Love ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่กำกับโดย Steven K. Tsuchida นำแสดงโดยเรเชล ลีห์ คุก, สก็อตต์ ลี, มิสซี ไพล์, เบน เฟลด์แมน และอีกมากมาย เล่าเรื่องราวของหญิงสาวชาวอเมริกันวัย 30 ปี ที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรกในชีวิต จนกระทั่งพบกับชายหนุ่มไกด์นำเที่ยว และได้วางแผนพร้อมกับพาเธอไปทัวร์ด้วยกัน จนกระทั่งก่อเกิดเป็นความสัมพันธ์รักครั้งใหม่ที่อิ่มเอมหัวใจกันมากยิ่งขึ้น
เรื่องราวของหญิงสาวชาวอเมริกันวัย 30 ปี ที่เดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอเลือกที่จะมาเที่ยวที่เวียดนามเพราะหลงใหลในวัฒนธรรมและความสวยงามของประเทศนี้ ระหว่างที่แคสซี่กำลังเดินเที่ยวอยู่ตามท้องถนน เธอได้พบกับ เจสัน ชายหนุ่มชาวเวียดนามที่ทำงานเป็นไกด์นำเที่ยว และได้ชวนเธอไปเที่ยวชมเมืองโฮจิมินห์ และช่วยเธอวางแผนการเดินทางที่เหลือ พาแคสซี่ไปเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ เช่น ประตูไซ่ง่อน โบสถ์นอเทรอดาม และวัดกวนอิม เวลาผ่านไปนั้นแคสซี่ก็รู้สึกชอบในตัวเจสัน ทั้งความฉลาด อ่อนโยน และมีความอบอุ่น ทำให้เธอรู้สึกสบายใจและปลอดภัยเมื่อได้อยู่ด้วย
จนกระทั่งเจสันพาแคสซี่ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในชนบทของเวียดนาม ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวชนบทก็ยิ่งรู้สึกประทับใจกับความเรียบง่ายของคนในหมู่บ้านแห่งนี้ ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเที่ยวชมเมืองอยู่ด้วยกัน ก็เริ่มทำความรู้จักกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนพบว่าทั้งคู่นั้นมีความสนใจหลายอย่างเหมือนกัน เช่น ดนตรี ศิลปะ และการท่องเที่ยว และการสานสัมพันธ์สุดลึกซึ้งก็เกิดขึ้น แต่แล้วการเดินทางก็ย่อมมีวันเลิกรา แคสซี่ก็ต้องเดินทางกลับอเมริกาแล้ว เธอรู้สึกเสียใจที่ต้องจากเจสันไปแต่ก็รู้ว่ายังไงก็ต้องจากกันสักวันอยู่ดี ทั้งๆ ที่ในใจทั้งคู่ก็รู้สึกดีต่อกันแล้ว เจสันสัญญากับแคสซี่ว่าเขาจะรอเธอกลับมาอีกครั้ง จนเรื่องราวของทั้งคู่ก็ได้จบลงอย่างสวยงาม
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้อยู่ที่การถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างแคสซี่และเจสันได้อย่างอบอุ่นและน่ารักมากๆ ทำให้ผู้ชมรู้สึกอินไปกับเรื่องราวของการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ได้ดีจริง เราจะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเวียดนาม ทั้งบรรยากาศภูเขาเมฆหมอก วัฒนธรรมผู้คนต่างถิ่นไปพร้อมๆ กับตัวละครอย่างเจสซี่ ที่เธอก็ได้มาเวียดนามเป็นครั้งแรก ทำให้รู้สึกว่าประทับใจมากๆ กับฉากหลังที่สวยและดีงามแบบนี้ พอนำมาเข้ากับเรื่องราวของความรักทั้งคู่แล้วมันทำให้ยิ่งลงตัวขึ้นไปอีก
ข้อสังเกตอย่างนึงของเรื่องนี้คือมีความเป็นสูตรสำเร็จของหนังโรแมนติกคอมเมดี้อยู่บ้าง อย่างการที่ตัวละครเอกเป็นชายหญิงที่มาจากต่างวัฒนธรรมและต่างสถานะทางสังคม แต่กลับตกหลุมรักกันแบบสายฟ้าแล็บ ซึ่งก็เห็นได้บ่อยในหนังรักหลายๆ เรื่องมาแล้ว แม้แต่ในหนังไทยเองก็มีหลายเรื่องด้วยกัน บวกกับพล็อตเรื่องที่ท่องเที่ยวต่างถิ่นต่างแดนแบบนี้ถือว่ามีเยอะในตลาดหนังมากๆ ทำให้ไม่ได้โดดเด่นไปมากกว่าเรื่องอื่นๆ เท่าไร แต่ก็ถือว่าทำให้อินกับเรื่องราวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยรวมแล้วให้เป็นอีกหนึ่งหนังรักที่ดูแล้วฟินประทับใจ อบอุ่นกับความรักที่สวยงามไปพร้อมๆ กับฉากหลังจากเวียดนามที่มีธรรมชาตสวยแบบนี้